วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ช่องวางของตลาด และ segmentation

ช่องวางของตลาด และ segmentation
ผมได้มีโอกาสศึกษาธุรกิจผ้าอ้อมผู้ใหญ่-ผ้าอนามัยของญี่ปุ่นมาพอสมควร วันนี้ว่างเลยหยิบมาเล่าให้ฟังกันดู

เมื่อก่อนผู้หญิงไม่มีผ้าอนามัยใส่ นักการตลาดก็ทำให้ทุกคนใส่ผ้าอนามัย ตอนนี้ผู้หญิงทุกคนใส่ผ้าอนามัยเป็นเรื่องปกติ
สิ่งที่นักการตลาดทำก็คือการสร้างความต้องการในการจะใช้ผ้าอนามัยขึ้น เป็นการสร้างใหม่ ซึ่งก็คือผ้าอนามัยให้กับผู้หญิง (ลองคิดดูกันว่าเมื่อก่อนคนเราไม่ใส่กางเกงใน ก็มีคนคิดกางเกงในมาให้เราใส่ คิดชุดชั้นในให้เราใช้ จนมาวันหนึ่งก็มีคนคิดผ้าอนามัยให้อีก)

แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ที่ญี่ปุ่นออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นผ้าอนามัยจิ๋วใช้ซึมซับของเหลวได้มากกว่าผ้าอนามัย เรียกว่า แผ่นกันปัสสาวะเล็ด ไว้ให้ผู้หญิงใส่ตอนที่ไม่ได้มีประจำเดือน ไม่ได้ใส่ผ้าอนามัยได้ใส่กัน
สิ่งที่นักการตลาดต้องทำคือ สร้าง Segment ใหม่ขึ้น สำหรับผ้าอนามัย จากในตอนแรกมีแค่ผ้าอนามัยซึมซับช่วงที่มีประจำเดือน ก็สร้างผ้าอนามัยใส่สำหรับช่วงที่ไม่ได้มีประจำเดือนซึ่งจะใช้ซึมซับปัสสาวะในปริมาณน้อย (1-20cc) เรียกว่า แผ่นกันปัสสาวะเล็ดแบบบาง

เมื่อผู้หญิงแก่ตัวลงหรือมีลูก ก็มักจะมีปัญหาปัสสาวะเล็ดรั่ว(เป็นถึง1ใน4ของผู้หญิงทั้งหมด) จึงจำเป็นจะต้องใช้แผ่นซึมซับ ที่ซึมซับของเหลวได้มากขึ้น (20-120cc) เป็นผลิตภัณฑ์อีกตัวหนึ่ง แผ่นกันปัสสาวะเล็ดแบบปกติ

พอเริ่มร่างกายอ่อนแอ เริ่มควบคุมร่างกายไม่ได้ ปัญหาการเล็ดรั่วก็มักจะมากขึ้น ทำให้ต้องขยับไปใช้กางเกงผ้าอ้อมแบบบาง ที่สามารถซึมซับของเหลวได้มากขึ้น 200-500cc ซึ่งจะถือว่าเป็น category ใหม่ หรือ segment ใหม่ ก็แล้วแต่ธุรกิจจะมอง

ถ้าอาการเริ่มขั้นหนักต้องนั่งรถเข็น ก็ต้องใช้กางเกงผ้าอ้อมปกติ ซึมซับของเหลวได้ 500-1000cc

ถ้าไม่สบายหนักละ ไปไหนไม่ได้ นอนบนเตียง ก็ต้องใช้ผ้าอ้อมแบบเทป ซึมซับของเหลวได้750-1500cc(ประมาณ)

เราลองกลับมาย้อนดูกันตั้งแต่ต้น
ในมุมของ consumer จะเห็นได้ว่า จากที่สมัยก่อน ผู้หญิงไม่ใช้อะไรเลย กลายมาเป็นใช้ผ้าอนามัย 
แต่ปัจจุบันในญี่ปุ่น อาจจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ถึง 6 ประเภท คือ 1.ผ้าอนามัย 2.ผ้าอนามัยซึมซับของเหลวขั้น1 3.ผ้าอนามัยซึมซับของเหลวขั้น2 4.กางเกงผ้าอ้อม 5.กางเกงผ้าอ้อมซึมซับ 6. ผ้าอ้อมแบบเทป 

สาเหตุุที่นักการตลาดต้องทำแบบนี้ ก็เพื่อที่จะสร้างการเติบโตให้กับบริษัทที่ผลิต พร้อมทั้งตอบโจทย์ความต้องการของ consumer ที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง
ดังนั้นพึงจำไว้เสมอว่า ไม่ว่าตลาดใดๆ ก็มักจะมีช่องว่าง ให้คนที่มองเห็นโอกาส ได้เจาะ ได้สร้าง segment ใหม่ๆ เพื่อสร้างคุณค่าและทำกำไร ได้เสมอครับ

*แต่ไหมว่า เมื่อมองในมุมของนักการตลาด/ธุรกิจ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้กลับไมได้เดินตามขั้นพัฒนาของ consumer เนี่ยสิ! มันดันกลับหัวกลับหางกัน!!! ความจริงจะเป็นอย่างไรติดตามได้ในโพสหน้านะครับ

cash